สปิริตแมนยู โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สามารถระเบิดพลังซ่อนเร้นสำหรับเพื่อการนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับเมืองนรกกลับมาชนะ อตาลันตา ด้วยสกอร์ 3-2
สปิริตแมนยู ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป เอฟ เมื่อวันพุธที่ 20 ต.ค.ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ส่งให้พวกเขาขึ้นไปรั้งผู้นำฝูงเป็นระเบียบ เกมนี้ “ผีแดง” ออกตัวน่าผิดหวังเมื่อโดนกลุ่มเยี่ยมทำแต้มนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก เซอร์ไพรส์แดงเดือด
แม้กระนั้นในเวลาพักครึ่ง “น้าลูกอม” อาจจะจัดหนักผู้ร่วมทีมทำให้เมื่อกลับมาลงไปในสนามในช่วงหลัง หน้าแข้ง “ผีแดง” วิ่งสู้ฟัดแบบลืมตายจนกระทั่งสามารถยิงคืนแบบทบต้นทบดอก 3 ตุง
งานนี้มั่นใจว่า โซลชา อาจจะกระตุ้นสมาชิกให้จัดแจงแออัดความแพ้พ่ายเกมแรกของฤดูกาลนี้ให้กับ “ลิเวอร์พูล” ให้ได้ เสียประตูง่ายดังเดิม ดูเหมือนจะแปลงเป็นยี่ห้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วกับการเสียประตูง่ายในตอนต้นเกม
โดยจะต้องสารภาพว่าเกมรับของ “ปีศาจแดง” มีปัญหาจริง ๆ สำหรับเพื่อการตามติดคู่ปรับ แล้วก็การจัดการกับลูกตั้งเตะ “เร้ด เดวิลส์” เสียประตูทุกเกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูนี้ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการจัดระเบียบเกมรับของ แมนยูฯ มีปัญหาเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะการจัดการลูกตั้งเตะซึ่งแมตช์นี้พวกเขาก็ปลดปล่อยให้ เมริห์ เดมิรัล ขึ้นกระแทกได้สบายๆอันที่จริงแล้วถ้าเกิดมองดูจากจังหวะสำหรับเพื่อการสร้างจังหวะ อตาลันตา ในตอน 45 นาทีแรกอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีไม่มากสักเท่าไรนัก
แต่ว่าสามารถทำให้เกมรับของเจ้าบ้านป่วนปั่นได้ตลอด ช่วงเวลาที่เกมบุกของ “ผีแดง” ค่อนข้างจะสะเปะสะปะ และก็ยิงทิ้งยิงเหวี่ยงเป็นส่วนมาก ถ้ามองตามเรื่องจริง ด้วยประสิทธิภาพนักฟุตบอลของ อตาลันตา
รวมทั้งการที่ไม่มีลำแข้งตัวหลักไปหลายท่าน นับได้ว่าเป็นโชคดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด เนื่องจากว่าถ้าหากเป็นกลุ่มในระดับเดียวกัน แต่ว่า “เร้ด เดวิลส์” เล่นเกมรับอย่างนี้ บอกเลยสกอร์คงจะมิได้ออกมาอย่างที่มองเห็นแน่ๆ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว โซลชา ไม่สมควรหลงระเริงกับชัยชนะที่ได้มาแบบรากเลือดในเกมนี้ แต่ว่าจะต้องรีบติวเข้มแนวรับ เนื่องจากว่าศึก “แดงเดือด” สุดสัปดาห์นี้ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องพบเกมบุกสไตล์เฮฟวี่เมทัล ซึ่งไม่ใช้ว่าจะง่ายสำหรับในการคุ้มครองแน่ๆ
สปิริตแมนยู ยังน่าสะพรึงกลัวผลงานในตอน 45 นาทีแรก
บรรดาสาวก “เร้ด อาร์มี่” อาจรู้สึกเซ็งไปตามๆกันเนื่องจากกลุ่มรักสกอร์ตามหลังสองประตู แถมรูปเกมก็มิได้ดีโด่ และก็ยังมีบางจังหวะที่เกือบจะโดนบวกสกอร์เพิ่มด้วย แม้กระนั้นในช่วงหลัง “น้าลูกอม” สามารถกระตุ้นสมาชิกให้กับมารวมพลังสู้รบได้อีกที
และก็ใช้ประสิทธิภาพของผู้เล่นที่เหนือกว่าสำหรับในการบดบี้ขยี้แขกกระทั่งตั้งเกมมิได้ ก่อนที่จะจัดแจงกระซวก 3 ประตูรวดคว้าแชมป์ได้แบบน้ำลายเหนียวคอ จะว่าไปแล้วการแก้เกมของ โซลชา
สำหรับการส่ง ปอล ป็อกบา, เจดอน ซานโช่ รวมทั้ง เอดินสัน คาวานี่ ลงไปในสนามทำให้เกมบุกของพวกเขาอันตรายอย่างยิ่งขึ้นหลายเท่า ประกอบกับนักฟุตบอลอตาลันตาไม่สามารถที่จะสู้ความสามารถเฉพาะบุคคลของเจ้าของบ้านได้
ยิ่งทำให้ผลงานด้อยกว่าเยอะขึ้น จุดแข็งที่สำคัญเหนือแท็กติกในแมตช์นี้ก็คือ “สปิริต” ของนักฟุตบอลแมนฯ ยูไนเต็ด ที่สู้มอบหัวตลอดตอนช่วงหลัง จนถึงกลุ่มคว้า 3 คะแนนสำคัญได้เสร็จ แน่ๆว่านี่เป็นสิ่งที่แฟนบอล “ผีแดง” ตรึงใจเป็นอย่างมากกับหัวใจนักสู้ที่กล้าแข็งของนักฟุตบอล ที่ผ่านมา
บียาร์เรอัล ก็เคยโดน “จิตวิญญาณปีศาจแดง” มาแล้ว แมตช์นี้ อตาลันตาอาจรู้ดีถึงความน่าสยองของ แมนฯ ยูฯ ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุนั้นในเกมหน้าที่จำต้องจัดการในเมืองแบร์การ์โม่ พวกเขาจะต้องมีความเด็ดขาดสำหรับการจบสกอร์ ถ้าเกิดต้องการแก้เผ็ดให้ได้ กีฬา เพนท์บอล
กลุ่มไม่อาจจะขาด โรนัลโด้ ได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลที่แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ดอีกทั้งรักแล้วก็ยกย่องมากมายแค่ไหน ที่สำคัญการกลับมาเล่นให้ “ผีแดง” อีกทีเจ้าตัวยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และก็ช่วยกลุ่มได้เสมอ
ย้อนไปในแมตช์เจอกับ บียาร์เรอัล ก็เป็น โรนัลโด้ ที่ซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษบาดเจ็บนำความมีชัยสู่สมาพันธ์ ในแมตช์นี้ “ซีอาร์ 7” ก็สวมบทซูเปอร์วีรบุรุษกระแทกประตูสำคัญในตอน 10 นาทีในที่สุดทำให้ แมนยูฯ คว้า 3 แต้มสำคัญ
ถึงแม้ว่าในเกมนี้ กัปตันกลุ่มชาติประเทศโปรตุเกส ไม่อาจจะแผลงฤทธิ์แผลงเดชอะไรได้มากนัก ด้วยเหตุว่าโดนแนวรับของ อตาลันตา ไล่หลังปะกบตลอดระยะเวลา แม้กระนั้นเจ้าตัวก็ได้โอกาสทำประตูบ้าง เพียงแต่ขาดความเที่ยงตรง รวมทั้งบางเวลาก็โดน ฮวน มุสโซ่ เซฟได้อย่างเกินจริง
สำหรับเดี๋ยวนี้ โรนัลโด้ จัดแจงจ่ายบอลไปซุกก้นตาข่ายคู่ปรับ 6 ประตูจาก 8 เกมสำหรับการชิงชัยทุกรายการฤดูนี้ แล้วก็แน่ๆว่าสาวก “เร้ด อาร์มี่” คงจะได้มองเห็นประตูอีกเพียบเลยจาก ศูนย์หน้าเลขลำดับ 7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมตช์สำคัญต่อกร หงส์แดง วันอาทิตย์นี้
เด เคอา แล้วก็ มุสโซ่ สะดุดตาทั้งสอง สกอร์ในเกมนี้จบลงที่ 3-2
มันบางทีอาจจะดูอย่างกับว่าเกมรับของ แมนฯ ยูฯ รวมทั้ง อตาลันตา ออกจะมีปัญหา แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วสกอร์บางทีอาจจะมิได้จบเท่านี้ถ้าเกิดไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวดีเยี่ยมที่สุดของ ดาบิด เด เคอา แล้วก็ ฮวน มุสโซ่
แมตช์นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางทีก็อาจจะไม่ได้อะไรเลยเฉพาะหน้าแฟนบอลในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถ้าไม่ได้การโชว์ 2 เซฟสำคัญต่อเนื่องกันของ นายทวารกลุ่มชาติประเทศสเปน ในตอนช่วงหลัง โดยเขาคุ้มครองลูกยิงของ ดูวาน ซาปาต้า ในจังหวะแรก
แม้กระนั้นด้วยจังหวะซ้ำเต็มข้อของ รุสลัน มาลินอฟสกี้ จำเป็นต้องบอกเลยว่านี่เป็นดับเบิ้ลเซฟที่กลับชีวิตของ แมนฯ ยูฯ อย่างแท้จริงๆเพราะเหตุว่าต่อไปไม่กี่นาทีพวกเขาก็มาได้ประตูตีเสมอจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์
ด้วยเหตุผลดังกล่าวหนึ่งในผู้เล่นที่ควรจะได้รับคำชื่นชมก็คือ เด เคอา ระหว่างที่ มุสโซ่ ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันด้วยเหตุว่าเขาได้โอกาสโชว์ซูเปอร์เซฟหลายครา และจังหวะดวลแบบตัวต่อตัว กับ โรนัลโด้ ด้วย
อันที่จริงแล้วถ้าไม่ได้การเซฟของ โกลชาวอาร์เจนไตน์ เหตุการณ์ของกลุ่มเยี่ยมอาจตกระกำลำบากแบบเดียวกัน โซลชา มีพลังแอบแฝงในยามวิกฤติเสมอ เป็นไปตามคาดเมื่อ โซลชา ตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ทุกข์ยาก มันจะมีพลังงานบางสิ่งบางอย่างที่เปล่งรัศมีออกมาเพื่อช่วยเกื้อหนุนให้เขาสามารถอยู่รอดไม่เป็นอันตรายและก็ปลอดภัยจากขณะวิกฤติแบบงั้นเสมอ
แมตช์นี้เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีเยี่ยมว่า “น้าลูกอม” เสมือนมีพลังแอบแฝงสำหรับเพื่อการนำผู้ร่วมทีมกลับเมืองนรกคว้าแชมป์ได้แบบหืดขึ้นคอ รวมทั้งแน่ๆว่าการที่ได้ 3 คะแนนในสไตล์อย่างงี้เขาย่อมได้รับคำกล่าวชมล้นหลามจากกองเชียร์
ด้วยเหตุนี้ในเกม “แดงเดือด” ที่ “โรงละครแห่งความฝัน” โซลชา อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีพลังพิเศษสำหรับเพื่อการกระตุ้นหน้าแข้ง “ปีศาจแดง” ให้แงะฟอร์มเก่งออกมาอีกที และก็สามารถบีบคั้นกลุ่มที่มีชื่อเสียงว่ามีเกมรุกที่อันตรายที่สุดในลีกได้
เกมระหว่าง แมนยูฯ กับ หงส์แดง มันเต็มไปด้วยเกียรติ ผลงานในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาปราศจากความหมาย ด้วยเหตุว่าเมื่อลงในสนามแมตช์นี้จะอยู่เหนือการคาดคะเน แต่ว่าสิ่งที่น่าดึงดูดก็คือในยามวิกฤติ
โซลชา ชอบทำผลงานได้ดิบได้ดี รวมทั้งนี่เป็นจุดที่แฟนบอล “ลิเวอร์พูล” หวั่นไหวพอควร ที่จริงแล้ว ผู้จัดการทีมชาวประเทศนอร์เวย์ บางครั้งก็อาจจะมิได้มีบุคลิกลักษณะที่ดุเดือดราวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่ว่าการที่เขาเป็นตำนานซูเปอร์ซับของกลุ่ม น่าจะเป็นจุดซึ่งสามารถกระตุ้นให้ แมนฯ ยูฯ กล้าวิ่งสู้ฟัดซัดกับ “เดอะ เร้ดส์”
